CAT1-X1/3 Hyperion Gundam Unit 1
First appearance Mobile Suit Gundam SEED X ASTRAY
Designer Kunio Okawara
Head height 16.9 m
Weight 54.7 t
Armaments
- 'Romteknica' beam knife
- vulcan gun
- 'Zastava Stigmate' beam sub-machine gun
- 'Forfanterie' beam cannon
- 'Armure Lumiere' mono-phase lightwave shield
MSที่บริษัทแอ็คทายออนพัฒนาให้สหพันธ์ยูเรเซียนตามโครงการ X เป็น MSของตนเองโดยไม่ขึ้นกับสหพันธ์แอตแลนติกเพื่อคงอำนาจต่อรองทางการเมืองในกลุ่มพันธมิตรโลกไว้ บริษัทแอ็คทายออนนั้นพัฒนาไฮเปอเรียนมาจากข้อมูลซึ่งศึกษามาจากเกลฟินีโตและเป็น MSที่ผสมเทคโนโลยีของ ZAFTกับกลุ่มพันธมิตรเข้าด้วยกัน ไฮเปอเรียนกันดั้มนั้นติดตั้งโล่แสง อามิวเรลูมิเอล ซึ่งดัดแปลงมาจากระบบป้องกันของสหพันธ์ยูเรเซียน โดยปกตินั้นไฮเปอเรียนจะใช้งานอามิวเรลูมิเอลเฉพาะที่ติดไว้ที่แขนแบบบีมชิลด์ แต่เมื่อเปิดใช้งานเต็มที่โดยกางส่วนที่อยู่ในแบ็คแพ็คออกมาก็จะสามารถป้องกันได้ทั้งตัวโดยรอบ ซึ่งอามิวเรลูมิเอลนั้นได้รับการพัฒนาให้สามารถป้องกันการโจมตีจากภายนอกได้ในขณะที่ไฮเปอเรียก็สามารถโจมตีผ่านโล่แสงของตนเองออกไปได้ด้วย อามิวเรลูมิเอลที่แบ็คแพ็คยังสามารถปรับเป็นหอกบีมแทงศัตรูได้ซึ่งก็สามารถใช้โจมตีผ่านศัตรูที่มีอามิวเรลูมิเอลเหมือนกันได้ จุดอ่อนของอามิวเรลูมิเอลก็คืออาวุธที่ฉาบบีมโคตไว้จะสามารถผ่านโล่แสงไปได้ นอกจากนั้นยังใช้พลังงานมากซึ่งการเปิดอามิวเรลูมิเอลเต็มรูปแบบจะใช้งานได้ 5 นาทีเท่านั้น นอกจากอามิวเรลูมิเอลแล้ว ไฮเปอเรียนยังมีอาวุธเป็นปืนกลบีมและมีดบีม ซึ่งอาวุธทั้งสองอย่างนี้มีแบตเตอรี่ในตัวเป็นแหล่งพลังงานแยกต่างหากจากไฮเปอเรียน โดยปืนกลบีมจะสามารถถอดเปลี่ยนแบตเตอรีได้เหมือนแม็กกาซีนกระสุน ส่วนมีดบีมก็สามารถใช้เป็นอาวุธขว้างได้ ซึ่งไฮเปอเรียนนั้นมีมีดบีมเก็บไว้ในแขนและขารวมสี่เล่มกับเล่มที่ห้าซึ่งติดไว้กับปืนกลบีม แบ็คแพ็คของไฮเปอเรียนยังสามารถพับส่วนปลายของไบน์เดอร์ขึ้นมาและยิงเป็นบีมแคนน่อนซึ่งเป็นอาวุธที่รุนแรงที่สุดของไฮเปอเรียนได้ ซึ่งบีมแคนน่อนของไฮปอเรียนนี้ได้รับการออกแบบให้สามารถยิงได้ต่อเนื่องจนกว่าพลังงานจะหมด
บริษัทแอ็คทายออนได้สร้างไฮเปอเรียนเครื่องต้นแบบให้สหพันธ์ยูเรเซียนทั้งหมดสามเครื่องคือ CAT1-X1/3 CAT1-X2/3 และ CAT1-X3/3 ไฮเปอเรียนกันดั้มหมายเลข 1 นั้นเป็นของคานาร์ด พาร์ส ซึ่งเป็นซูเปอร์โคออดิเนเตอร์ในโครงการเดียวกับคิระ ยามาโตะแต่ถือเป็นผลงานที่ล้มเหลว คานาร์ดจึงใช้ไฮเปอเรียนในการตามล่าคิระเพื่อพิสูจน์ตัวเอง ไฮเปอเรียนหมายเลข 1 นี้เคยได้รับความเสียหายอย่างหนักในการต่อสู้กับเดร็ดนอตกันดั้มของเพรเยอร์ เรเวรี แต่หลังจากที่คานาร์ดได้ชิงเอายานออร์ทีเกียไปใช้เองจากดาวเคราะน้อยอาร์เทมิส คานาร์ดก็สามารถล้มไฮเปอเรียนหมายเลข 2 ของบัลซัม อาเรนด์ซึ่งถูกส่งไปตามล่าคานาร์ดได้และก็ได้ใช้ชิ้นส่วนของหมายเลข 2 ซ่อมหมายเลข 1 จนสมบูรณ์ก่อนจะบุกเข้าโจมตีฐานปโตเลไมออสของสหพันธ์แอตแลนติกบนดวงจันทร์เพื่อชิงเอา Nแจมเมอร์แคนเซลเลอร์และเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์มาดัดแปลงไฮเปอเรียนเพื่อให้สามารถใช้อามิวเรลูมิเอลได้โดยไม่จำกัดเวลาพร้อมกับดัดแปลงให้อาวุธใช้พลังงานจากเตาปฏิกรณ์ได้โดยตรงด้วย ซึ่งคานาร์ดได้เรียกไฮเปอเรียนที่ดัดแปลงแล้วนี้ว่าซูเปอร์ไฮเปอเรียน
หลังจากที่สหพันธ์ยูเรเซียนได้ยอมรับแด็กเกอร์ซีรีส์ที่สหพันธ์แอตแลนติกส่งมอบให้ก็ได้ระงับการพัฒนา MSของตนเองไป ไฮเปอเรียนกันดั้มจึงหยุดการผลิตเพียงสามเครื่องเท่านั้น แต่บริษัทแอ็คทายออนก็ได้พัฒนาไฮเปอเรียนต่อมาเป็นรุ่นทดลองผลิตจำนวนมากสำหรับรบภาคพื้นดินโดยเฉพาะเรียกว่าไฮเปอเรียน G เซนเซอร์นั้นเปลี่ยนเป็นแบบแด็กเกอร์ อามิวเรลูมิเอลนั้นติดไว้เฉพาะที่ไบน์เดอร์ข้างขวาเท่านั้นเพื่อให้ประหยัดพลังงานจึงสามารถเปิดป้องกันได้เฉพาะด้านหน้า ส่วนไบน์เดอร์ข้างซ้ายได้เปลี่ยนมาใช้เก็บปืนกล 52 มม.ของแด็กเกอร์ ไฮเปอเรียน Gยังใช้โล่ของแด็กเกอร์ป้องกันตัว สาธารณรัฐเอเชียตะวันออกซึ่งได้มอบไฮเปอเรียน Gหมายเลข 2ให้ไก มุราคุโมะที่ได้รับการจ้างให้ต่อสู้กับกองโจรต่อต้านและได้ทาเป็นสีน้ำเงิน ส่วนเครื่องหมายเลข 1นั้นเป็นของทรี โซเซียสซึ่งเป็นคอมแบทโคออดิเนเตอร์โซเซียสซีรีส์
CAT1-X2/3 Hyperion Gundam Unit 2
CAT1-X3/3 Hyperion Gundam Unit 3