ว็อกซ์ซีรีส์
d-101.jpg

D-101 Vox "Dan"

First appearance Cyber Troopers Virtual On: Force
Designer Hajime Katoki
Armaments

  • 'Milof' gun system
  • arm box launcher
  • shoulder box launcher

หลังจากที่การพัฒนาไรเดนออกมาเป็น VR ที่ไม่สามารถทำการผลิตจำนวนมากได้เลยด้วยซ้ำ บริษัท DN จึงให้ทำการพัฒนา VR ที่สามารถใช้งานแทนไรเดนได้และมีราคาถูกกโดยเร่งด่วนโดยตั้งชื่อว่า เบลก์ดอร์ เนื่องจากต้องเร่งพัฒนาและมีงบประมาณจำกัดมาก ทีมพัฒนาจึงได้เลือกใช้การดัดแปลงชิ้นส่วนจากที่มีใช้งานอยู่แล้วให้มากที่สุด อาวุธติดไหล่ของเบลก์ดอร์นั้นได้เลือกใช้มิสไซล์ลันเชอร์อเนกประสงค์ที่เดิมมีไว้ใช้ป้องกันฐานที่มั่น แต่การดัดแปลงโดยรวมเอาระบบควบคุมและเซนเซอร์ของมิสไซล์นำวิถีไว้ในส่วนหัวของเบลก์ดอร์นั้นก็ทำให้หนักช่วงบน ในขณะที่โครงสร้างของเบลก์ดอร์ซึ่งตั้งใจให้ผลิตได้ในราคาถูกนั้นก็มีความทนทานที่เทียบได้กับเทมจินทำให้เบลก์ดอร์เป็น VR ที่มีศูนย์ถ่วงสูง แม้จะวิ่งทางราบได้เร็วที่เดียวแต่ก็บังคับได้ยากโดยเฉพาะในพื้นที่วิบาก เบลก์ดอร์นั้นใช้ระเบิดมือแบบนาปาล์ม ส่วนอาวุธปืนนั้นใช้เกรเน็ดลันเชอร์ซึ่งเหลือค้างสต็อกอยู่มากมายจากที่ถูกคืนสินค้า แม้ว่าเบลก์ดอร์นั้นจะนับว่าเป็น VR แบบยิงสนับสนุนจากระยะไกลจึงได้รับรหัส SAV-07-D และไม่ใช่ VR แบบหนักอย่างไรเดน แต่ด้านค่าใช้จ่ายในการผลิตนั้นก็มีราคาเพียง 70 ถึง 80 % ของเทมจินเท่านั้น ซึ่งในบรรดา VR รุ่นที่หนึ่งนั้นก็เป็น VR ที่มีการผลิตใช้งานมากที่สุด ส่วนการพัฒนา VR แบบหนักแทนไรเดนนั้น ในเวลาต่อมาก็คือ HBV-10-B ดอร์คัส ซึ่งเป็นรูปแบบที่ตั้งใจไว้แต่แรกของไรเดนโดยใช้โครงสร้างที่แข็งแกร่งเข้าปะทะกับศัตรู ดอร์คัสนั้นมีเกราะหนาแต่ก็ใช้เครื่องยนต์ที่มีกำลังมากจึงมีศูนย์ถ่วงต่ำและคล่องตัวพอสมควร ส่วนอาวุธนั้นใช้ลูกตุ้มบีมที่สามารถปล่อยออกไปกระแทกเป้าหมายจากระยะห่างได้ติดไว้แทนมือซ้าย ส่วนมือขวาเป็นคีมที่สามารถกางยิงลูกไฟออกไปได้และที่ไหล่ขวาก็มีฟาแลงซ์มิสไซล์ติดไว้

หลังปฏิบัติการมูนเกต แพลนท์ 3 มูนนีวัลเลย์ก็ได้พยายามแต่งแก้ไขดีไซน์ของเบลก์ดอร์ต่อมาโดยแก้ไขโครงสร้างให้ศูนย์ถ่วงต่ำลงเป็นรุ่น SAV-07-3M กับ SAV-07-Q ซึ่งแก้ดีไซน์ให้รวมส่วนหัวเดิมไว้กับลำตัวและเปลี่ยนส่วนหัวเป็นระบบเซนเซอร์กำลังสูงที่เบากว่าเดิม ทั้งยังแก้ไขให้ใช้ค็อกพิตแบบสองที่นั่งซึ่งมีนักบินผู้ช่วยควบคุมระบบมิสไซล์นำวิถี ทำให้ได้รับชื่อว่า เบลเมท จนกระทั่งเมื่อพัฒนาไปเป็น VR รุ่นที่สอง มูนนีวัลเลย์จึงได้พัฒนาระบบ USS (Unite Skeleton System) ซึ่งใช้ VR แกนที่เรียกว่าว็อค ประกอบกับชิ้นส่วนแขนแบบถอดเปลี่ยนได้ ทำให้สามารถผลิตได้ง่ายและในขณะเดียวกันก็ดัดแปลงตามการใช้งานได้ง่ายด้วยเช่นกัน โดยรูปแบบมาตรฐานนั้นก็คือ SAV-326-D กริสว็อค ซึ่งบรรทุกมิสไซล์ไว้มากมายจนเรียกได้ว่าเป็นคลังแสงเคลื่อนที่ และเมื่อเปลี่ยนมิสไซล์ลันเชอร์เป็นบีมลันเชอร์ให้เหมาะกับการต่อสู้แบบยืดเยื้อมากขึ้นนั้นก็จะเป็น SBV-328-B ชไตน์ว็อค ยูนิตว็อคที่ไม่ได้ติดตั้ง USS นั้นมีอาวุธเพียงปืนกลเล็กที่มีอานุภาพต่ำมากจนไม่สามารถต่อสู้กับ VR ด้วยกันได้เลย แต่มูนนีวัลเลย์ก็ได้ดัดแปลงเป็น LBV-314 ดิคดิค (Dk/dc) ซึ่งได้แก้ไขให้คล่องตัวขึ้นสำหรับใช้งานเป็นเครื่องสอดแนม ความแพร่หลายของว็อคนั้นยังทำให้กองกำลัง DNA ได้ขอให้พัฒนา MBV-331 เกมซ์ว็อค ซึ่งเป็นรูปแบบสำหรับใช้ต่อสู้ทั่วไปเพื่อให้ใช้แทนเทมจินได้ด้วย ส่วนดอร์คัสนั้น แม้ว่าจะได้รับการยกย่องว่าออกแบบได้ดีเป็น VR ชั้นหนึ่ง แต่ในปฏิบัติการมูนเกตนั้น หน่วยรบหนักพิเศษ SHBVD กลับใช้งานแต่ไรเดนโดยไม่มีดอร์คัสในหน่วยเลย และเมื่อเครือบริษัท DN แตกออกเป็น DNA กับ RNA นั้นฝ่าย DNA ก็ไม่มีดอร์คัสเหลือเก็บไว้เลย แต่แพลนท์ 2 ทรานส์วาล จากกลุ่ม RNA นั้นได้ปรับปรุงรูปแบบไปเป็น RVR-64 iดอร์คัส ซึ่งมีแขนซ้ายเป็นมือตักและมือขวาก็เป็นคีมที่ปล่อยออกไปโจมตีจากระยะห่างได้ ก่อนจะพัฒนาต่อไปเป็น VR รุ่นที่สอง RVR-68 ดอร์เดรย์ ซึ่งมีเกราะที่แข็งแกร่งที่สุดและสนามพลัง Vอาเมอร์ก็สามารถป้องกันได้แม้แต่เลเซอร์ของไรเดน แขนซ้ายนั้นเปลี่ยนเป็นสว่านซึ่งก็ยังคงปล่อยออกไปจากระยะห่างได้ตามเดิม ดอร์เดรย์ยังสามารถขยายร่างให้ใหญ่กว่าเดิม 4 - 5 เท่าได้ชั่วคราว

เมื่อเริ่มสงครามดาวอังคารซึ่ง VR รุ่นที่สองนอกจากเทมจิน 707 นั้นไม่สามารถใช้งานได้เพราะผลกระทบของมาร์สคริสตัล มูนนีวัลเลย์ซึ่งได้เปลี่ยนชื่อเป็น อแด็กซ์ นั้นก็ได้เริ่มพัฒนา VR รุ่นที่สามเป็นเจ้าแรกคือ ว็อกซ์ซีรีส์ โดยเริ่มจาก L-48 ลี ซึ่งใช้รูปแบบของดิคดิคที่เรียบง่ายที่สุดและไม่มี USS ก่อนจะเพิ่มพลังในการต่อสู้ขึ้นเป็น L-43 ลู ซึ่งยังคงไม่มี USS แต่ติดมิสไซล์ลันเชอร์ไว้ที่บ่าแทนทำให้ดูคล้ายกับเบลก์ดอร์ ว็อกซ์ซีรีส์ทั้งสองนี้ยังนับว่าไม่สามารถใช้ต่อสู้กับ VR โดยทั่วไปได้ จนกระทั่งเมื่อพัฒนาต่อมาเป็น D-101 แดน ซึ่งใช้ USS แบบกริสว็อค และสามารถปรับปรุงโดยติดมิสไซล์ที่ขาเพิ่มเป็น D-102 แดนนี กับ A-300 เอจ ซึ่งใช้แขน USS แบบมือปกติถือพลองไฟฟ้ากับปืนกลหนักสำหรับใช้รบทั่วไป ทำให้ว็อกซ์ซีรีส์กลายเป็นเจ้าตลาดในสงครามดาวอังคารอย่างรวดเร็ว อแด็กซ์ยังได้แลกเปลี่ยนวิทยาการกับทรานส์วาลซึ่งรวมถึงทีมพัฒนาดอร์เดรย์ที่มาเข้ากับอแด็กซ์เพราะไม่พอใจการร่วมมือกับแซทเชลเมาธ์ ทำให้ได้พัฒนา USS แบบดอร์คัส J-500 โจ ซึ่งมีสมรรถนะสมดุลโดยเฉพาะด้านพลังป้องกันที่เป็นจุดอ่อนของว็อกซ์ซีรีส์ก่อนหน้านั้น และมีรุ่นย่อยคือ J-504 เจน ซึ่งเปลี่ยนลูกตุ้มเป็นเลื่อยยนต์ กับ B-240 บ็อบ ซึ่งใช้ USS แบบดอร์เดรย์ เนื่องจากต้องการให้บ็อบนั้นมีพลังป้องกันสูงที่สุดจึงไม่มีแขนเล็กอยู่ที่ลำตัวอีกและใช้ปืนกลแบบติดตั้งภายในแทน อแด็กซ์ยังได้พัฒนาว็อกซ์รุ่นพิเศษให้หน่วยพีซคีปเปอร์ที่ DNA กับ mRNA ตกลงให้ทำหน้าที่เฝ้าระวังเขตแดนร่วมกันโดยเฉพาะ คือ U-303 ยูทา ซึ่งมีระบบพรางตัวและมีความคล่องตัวสูงสุดในว็อกซ์ซีรีส์ กับ M-400 มาริโกะ ซึ่งใช้ท่อนล่างเป็นระบบโฮเวอร์แทนขา มีแขนซ้ายเป็นมิสไซล์ลันเชอร์แบบแดน แต่ใช้แขนขวาเป็นปืนกลแก็ตลิงแฝด และใช้มิสไซล์ลันเชอร์ของลูติดไหล่ทั้งสองข้าง อแด็กซ์ยังได้พัฒนา T-400 เท็ตสึโอะ ซึ่งได้รับการออกแบบสำหรับโจมตีฐานที่มั่นโดยเฉพาะโดยใช้ USS ซึ่งติดแขนปืนใหญ่รวมสี่กระบอกและสามารถบรรทุกมิสไซล์ขนาดใหญ่แบบขีปนาวุธได้ แต่การติดอาวุธหนักไว้มากของเท็ตสึโอะนั้นทำให้ต้องเปลี่ยนส่วนขาเป็นล้อสายพานรถถังและยังหนักช่วงบน ความคล่องตัวจึงต่ำกว่า VR โดยทั่วไปมาก

Unless otherwise stated, the content of this page is licensed under Creative Commons Attribution-ShareAlike 3.0 License