La Wenter
First appearance Super Robot Wars Gaiden: Lord of the Elemental
Designer Hitoshi Fukuchi
Armor Orichaconium alloy
Special feature spirit dependency link
Armaments
- plasma sword
- electric hammer/buffalo horn
- axe
- missile
- buster cannon/flame buster
Special attacks
- Lava Jet
- Eye of Providence
- Vision Quest
มาโซกิสองเครื่องจากทั้งสิบหกซึ่งวิทยาลัยหลวงของราชอาณาจักรแลงกรันพัฒนาเพื่อเตรียมรับมือเทพมารตามคำทำนาย และเดิมทีก็ได้รับการออกแบบให้ปฏิบัติการคู่กัน โดยลาเวนเตอร์ซึ่งใช้จิตวิญญาณแห่งเพชร ลาเวนีล เป็นวิญญาณคุ้มครองจะทำการต่อสู้ระยะประชิดด้วยแขนซ้ายซึ่งมีมือเป็นลูกตุ้มที่สามารถยืดหนามออกไปตามช่องและปล่อยไฟฟ้าโจมตีได้ รวมถึงสามารถปล่อยพลาสมาออกมาแทนหนามเป็น บัฟฟาโลฮอร์น ได้ แขนซ้ายนี้ยังมีกลไกให้ยืดออกไปได้ช่วงหนึ่ง ส่วนมือขวายังสามารถถือพลาสมาซอร์ดหรือขวานได้ตามปกติ ส่วนเฟนเตอร์ซึ่งใช้จิตวิญยาณแห่งหิน เฟนีล เป็นวิญญาณคุ้มครองนั้นได้รับการออกแบบให้ยิงต่อสู้จากระยะไกลโดยแทบไม่สนใจการต่อสู้ระยะประชิดตัวเลยและเป็นมาโซกิของแลงกรันเพียงเครื่องเดียวที่ไม่ใช้รูปร่างแบบมนุษย์โดยมีท่อนล่างตั้งแต่เอวลงไปเป็นระบบโฮเวอร์ขนาดใหญ่ แขนทั้งสองข้างตั้งแต่ศอกลงไปเป็นปืนสามลำกล้องทั้งกระบอกซึ่งสามารถปล่อยพลาสมาซอร์ดออกมาได้ในกรณีที่ต้องสู้ในระยะประชิดตัวจริงๆ ที่ไหล่ติดมิสไซล์ไว้ข้างละสามนัด และมีเรลกันแบบประทับบ่าอีกสองกระบอก เฟนเตอร์ยังสามารถปล่อยคลื่นสั่นสะเทือนออกไปตามพื้นได้ แต่ระหว่างการพัฒนานั้นเฟนเตอร์ก็เป็นมาโซกิที่ประสบปัญหามากมายจนในที่สุดทีมพัฒนาก็วางมือไป ส่วนลาเวนเตอร์นั้นนับว่ามีสมรรถนะที่สูงและใช้งานได้ดีกว่าที่คาดจึงได้ดัดแปลงให้เน้นการต่อสู้ระยะไกลมากขึ้นแทน โดยส่วนไหล่ทั้งสองข้างสามารถเปิดยิงมิสไซล์ได้และด้านบนก็มีปืนบัสเตอร์แคนน่อนติดไว้ ซึ่งระบบอาวุธของลาเวนเตอร์นั้นได้รับการปรับแต่งให้สามารถยิงโจมตีได้อย่างแม่นยำแม้ว่าจะเคลื่อนไหวอยู่ ลาเวนเตอร์ยังสามารถใช้พลังความร้อนใต้ดินยิงออกไปจากบัสเตอร์แคนน่อนเป็นเฟลมบัสเตอร์ได้
ลาเวนเตอร์นั้นเป็นมาโซกิประจำตัวของรีเบ็คกา เทิร์นเนอร์ หรือ เบ็คกี สาวลูกครึ่งชนพื้นเมืองอเมริกัน แต่หลังเหตุการณ์หายนะของแลงกรันนั้นเบ็คกีซึ่งรู้สึกว่าตนยังไม่แข็งแกร่งพอก็ได้เก็บตัวฝึกฝนตัวเองก่อนจะกลับมารวมทีมกับพวกมาซากิอีกครั้งในช่วงสงครามสามอาณาจักร ซึ่งลาเวนเตอร์นั้นก็ได้ท่าไม้ตายเวทมนตร์ยิงลาวาออกไปจากหน้าอก และต่อมาก็พัฒนาไปอีกเป็น อายออฟโพรวิเดนซ์ โดยใช้เวทมนตร์สร้างบีมแคนน่อนขนาดใหญ่แบบเสาโทเทม และก็สามารถเพิ่มอานุภาพขึ้นอีกเป็น วิชันเควสต์ โดยเปลี่ยนปากกระบอกปืนเป็นสี่ลำกล้องแล้วยิงรัวแบบแก็ตลิ่ง ในช่วงสงครามสามอาณาจักรนี้ยังได้นำเฟนเตอร์มาใช้งานโดยเป็นมาโซกิของเอริส ราดิอุส ซึ่งหลังสงครามนั้นก็ได้ประเมินว่าปัญหาหลักของเฟนเตอร์อยู่ที่เทคนิคการสร้างมาโซกิของแลงกรันซึ่งเน้นการใช้พลังของวิญญาณคุ้มครองนั้นทำให้ไม่ตอบสนองต่อโครงสร้างที่ไม่เหมือนมนุษย์ของเฟนเตอร์นัก จึงได้สร้างใหม่อีกเครื่อง เดลกิรัน โดยใช้ เดลคินา จิตวิญญาณแห่งภูเขาไฟเป็นวิญญาณคุ้มครองแทน ระบบอาวุธของเดลกิรันนั้นปรับปรุงมาจากเฟนเตอร์กับลาเวนเตอร์ โดยติบัสเตอร์แคนน่อนไว้ทั้งแบบประทับไหล่ ขา และที่แขนทั้งสองข้าง รวมหกกระบอก ซึ่งบัสเตอร์แคนน่อนที่แขนนั้นก็สามารถใช้เป็นไฮเปอร์พลาสมาซอร์ดได้ด้วย มิสไซล์นั้นย้ายไปติดไว้ที่ขาข้างละหกนัด โดยในช่วงแรกนั้นก็ยังเป็นมาโซกิของเอริสจนกระทั่งเมื่อเอริสออกจากหน่วยแอนติลัสจึงได้ให้เป็นมาโซกิของเมฟิล ซาเนีย บอแลงค์ แทน ซึ่งท่าไม้ตายของทั้งสองนั้นจะใช้พลังเวทมนตร์ยิงประสานออกไปพร้อมกับบัสเตอร์แคนน่อน โดยเอริสจะยิงโจมตีโดยตรงส่วนเมฟิลจะยิงขึ้นฟ้าให้กระจายลงมา ในภายหลังนั้นเดลกิรันก็ได้รับการปรับปรุงโดยเสริมเกราะให้หนาขึ้น เปลี่ยนมือทั้งสองข้างเป็นเมกาบีมแก็ตลิ่่ง และเพิ่มมิสไซล์ไว้ตามไหล่กับโล่ติดแขนซึ่งทำให้ยิงมิสไซล์ออกไปได้พร้อมกันถึง 92 นัดในครั้งเดียว
