บิ๊กแซม
ma-08.jpg

MA-08 Big Zam

First appearance Mobile Suit Gundam
Designer Kunio Okawara
Overall height 59.6 m
Base weight 1021.2 t Full weight 1936
Armor super-hard steel alloy
Powerplant Minovsky type ultracompact fusion reactor
Power output 140000 kW
Special feature I-field barrier
Armaments

  • claw
  • 105 mm vulcan gun
  • anti-air mega particle cannon
  • large mega particle cannon

MAขนาดใหญ่ซึ่งโดเซิล ซาบีใช้ออกรบป้องกันปราการอวกาศ โซโลมอนจากกองทัพของสหพันธโลกและนับว่าเป็น MAที่ใหญ่และทรงพลังที่สุดในช่วงสงครามหนึ่งปีซึ่งค่าใช้จ่ายในการสร้างบิ๊กแซมนั้นเทียบได้กับยานชั้นมุไซถึงสองลำ อาวุธหลักของบิ๊กแซมก็คือด้วยปืนใหญ่มหาอนุภาคด้านหน้าซึ่งมีพลังทำลายที่สามารถจมยานรบขนาดใหญ่ได้ในครั้งเดียวและติดตั้งปืนอนุภาคต่อต้านอากาศยานไว้รอบตัวรวม 28 กระบอก เล็บที่เท้าทั้งสองของบิ๊กแซมสามารถยิงออกไปเป็นมิสไซล์ได้ บิ๊กแซมยังเป็น MAเครื่องแรกที่ติดตั้งเครื่องกำเนิดสนามพลัง Iฟิลด์บาเรียสามารถสะท้อนลำแสงของอาวุธบีมได้รอบตัว บิ๊กแซมนั้นใช้นักบินสามคนและใช้ค็อกพิตที่กว้างพอๆกับยานรบ จุดอ่อนของบิ๊กแซมนั้นอยู่ที่ใช้พลังงานมากจึงต้องติดตั้งเตาปฏิกรณ์ไว้ถึงสี่เครื่อง ซึ่งระบบระบายความร้อนของบิ๊กแซมนั้นเพียงพอให้บิ๊กแซมสามารถปฏิบัติการได้เพียง 20นาทีเท่ากนั้นก่อนที่ระบบจะโอเวอร์ฮีท Iฟิลด์บาเรียร์นั้นแม้จะสามารถป้องกันการโจมตีจากอาวุธบีมจากภายนอกบาเรียร์ได้อย่างสมบูรณ์แบบแต่ก็ไม่สามารถป้องกันบีมที่โจมตีจากภายในบาเรียร์ได้

กองทัพซีอ้อนยังได้พิจารณาแผนการผลิตบิ๊กแซมเป็นจำนวนมาก โดยแผนการเดิมนั้นตั้งใจจะให้ส่งลงไปโจมตีจาบุโรจากอวกาศและให้สามารถบินด้วยมินอฟสกีคราฟท์ได้ เมื่อออกแบบเป็น MA-09 บิ๊กแซมรุ่นผลิตจำนวนมาก นั้นมีลักษณะที่ต่างจากเดิมมากโดย่เน้นการใช้งานภาคพื้นดินและมีขนาดที่เล็กกว่าบิ๊กแซมมาก โครงสร้างของรุ่นผลิตจำนวนมากนั้นได้ย้ายส่วนขาไปที่ข้างลำตัว ส่วนปืนใหญ่มหาอนุภาคนั้นแยกจากลำตัวมาเป็นยูนิตปืนรูปไข่ด้านล่างซึ่งมีฝาปิดลำกล้องปืน ด้านหลังของบิ๊กแซมมีขาตั้งสำหรับยันในขณะที่ยิงปืนใหญ่มหาอนุภาค อาวุธอื่นๆของบิ๊กแซมนั้นถูกเอาออกไปหมดแต่ได้เพิ่มมิสไซล์ไว้เป็นอาวุธเสริมและใช้การฉาบผิวแอนติบีมโคตแทน Iฟิลด์บาเรีย การพัฒนาบิ๊กแซมรุ่นผลิตจำนวนมากนั้นต้องยุติไปเนื่องจากซีอ้อนต้องเปลี่ยนกลยุทธมาเน้นการตั้งรับในอวกาศมากกว่า โดยดีไซน์ของบิ๊กแซมรุ่นผลิตจำนวนมากที่ยังออกแบบไม่เสร็จดีนั้นก็ได้เผื่อพื้นที่ให้สามารถติดมินอฟสกีคราฟท์ได้ตามแผนการเดิม

หลังสงครามหนึ่งปี กองกำลังทิทานส์ของสหพันธ์โลกก็ได้ใช้แนวคิดจากบิ๊กแซมมาพัฒนาเป็น NRX-033 มาตาบิริ ซึ่งมีขนาดใหญ่โตมากจนนับว่าเป็นโมบิลฟอเทรสแทนที่จะเป็น MA มาตาบิรินั้นติดตั้งมินอฟสกีคราฟท์ทำให้สามารถบินได้และใช้เกราะโลหะผสมลูนาไททาเนียมพร้อมกับยังติดตั้งเครื่องกำเนิดสนามพลัง Iฟิลด์บาเรียร์ไว้จึงมีพลังป้องกันสูงมาก อาวุธหลักของมาตาบิริก็คือปืนใหญ่มหาอนุภาคด้านหน้าคล้ายกับบิ๊กแซม เพื่อไม่ให้ระบบระบายความร้อนต้องทำงานหนักจนมีปัญหาแบบบิ๊กแซมมาตาบิริจึงไม่ได้ติดตั้งอาวุธบีมอื่นๆอีก แต่ใช้เครื่องปล่อยทุ่นระเบิดไฮด์บอมบ์กับมัลติเพิลลันเชอร์ 12 กระบอกซึ่งใช้ยิงมิสไซล์ต่อต้านอากาศยานเป็นอาวุธเสริม มาตาบิรินั้นไม่ได้ใช้ระบบไซคอมมิวในการควบคุมและต้องใช้นักบินสามคนช่วยกันบังคับซึ่งค็อกพิตของมาตาบิริจะแยกออกมาเป็นยานหนีภัยได้ ในตอนที่ทิทานส์ได้ใช้มาตาบิริเข้าโจมตีหน่วยคลาวนอสที่นิวกินีนั้น หน่วยคาราบาได้ตั้งเรียกมาตาบิริด้วยรหัสว่า แพนเค้ก

ในช่วงสงครามนีโอซีอ้อนครั้งที่หนึ่ง กองทัพนีโอซีอ้อนก็ได้พัฒนารูปแบบของบิ๊กแซมต่อมาก่อนจะดัดแปลงไปเป็นจามุรฟิน ซึ่งกลุ่มซีอ้อนมาร์สก็ได้พัฒนารูปแบบดั้งเดิมของจามุรฟินจนสมบูรณ์เป็น AMA-01S บิ๊กซามูร ซึ่งมีอาวุธหลักเป็นปืนใหญ่มหาอนุภาคกำลังสูงสองกระบอกซึ่งก็คือส่วนที่นีโอซีอ้อนนำไปดัดแปลงเป็นจามรุฟิน โดยมีอุปกรณ์ควบคุมการกระจายตัวของบีมติดไว้แทนส่วนที่เป็นแขนของจามรุฟิน บิ๊กซามูรยังมี Iฟิลด์บาเรียร์ป้องกันตัวและปืนอนุภาคแบบสาดกระจายรอบตัวเหมือนบิ๊กแซมแต่ปรับปรุงระบบจนไม่มีปัญหาด้านระยะเวลาในการปฏิบัติการอีก บิ๊กซามูรยังได้เพิ่มมิสไซล์ไว้ใกล้กับส่วนหัวเป็นอาวุธเสริมและแขนคีมสองข้างด้านหน้าเพื่อใช้ป้องกันตัวในระยะประชิด กลุ่มซีอ้อนมาร์สยังได้ใช้ข้อมูลของบิโกรมาดัดแปลงติดบูสเตอร์เพิ่มกำลังขับเคลื่อนไว้ด้านหลังของบิ๊กซามูรและเปลี่ยนส่วนขาเป็นแบบเข่าสลับด้านเพื่อให้สามารถพับขาเพิ่มความเร็วได้ รูปแบบของบิ๊กซามูรนั้นในเวลาต่อมาก็พัฒนาไปเป็น OMAX-01 แกรนด์แซม ของกองกำลังโอลด์โมบิล โดยติดตั้งโฮเวอร์ยูนิตขนาดยักษ์ไว้แทนขาเพื่อให้ใช้งานภาคพื้นดินได้ดีขึ้นเป็นไพ่ตายในการโจมตีโลก แกรนด์แซมมีอาวุธหลักคือปืนใหญ่มหาอนุภาคที่หน้าอกและมีปืนอนุภาคขนาดเล็กจำนวนมากเป็นอาวุธเสริมทั่วตัว แกรนด์แซมนั้นมีแขนกลอยู่ด้านหน้าคล้ายกับบิ๊กซามูรและก็มีสนามพลัง Iฟิลด์อยู่เช่นเดิม แต่กองกำลังโอลด์โมบิลก็พ่ายแพ้ต่อสหพันธ์โลกโดยที่แกรนด์แซมที่ยังสร้างไม่เสร็จ

นอกจากนั้นยังมี AMA-X9 กิกัซแซม MA ขนาดใหญ่สำหรับนิวไทป์ที่นีโอซีอ้อนพัฒนาโดยตั้งใจให้เป็นป้อมปืนเคลื่อนที่ที่ใช้งานได้หลากหลายที่สุดจึงได้ผสมลักษณะของบิโกรกับซีอองก์เข้าไปด้วย กิกัซแซมนั้นติดตั้งบีมแคนน่อนไว้รอบตัวรวม 24 กระบอกและมีปืนใหญ่มหาอนุภาคอานุภาพสูงอยุ่ที่ลำตัวแบบบิ๊กแซม ส่วนขาของกิกัซแซมนั้นติดมิสไซล์พ็อดไว้และเล็บที่เท้าก็เป็นแผ่บีมเซเบอร์ออกมาเป็นกรงเล็บบีมได้พร้อมกับติดบีมแคนน่อนไว้ด้วย ส่วนกรงเล็บนี้ยังสามารถปล่อยออกไปบังคับผ่านสายเคเบิลด้วยระบบไซคอมมิวได้และยังมีอาวุธไซคอมมิวแบบไร้สายที่เรียกว่า โกสต์บิท กิกัซแซมนั้นมีสามหัวซึ่งก็เป็นค็อกพิตของนักบินสามคนโดยมีปืนอนุภาคติดไว้หัวละกระบอกแบบหัวซีอองก์ กิกัซแซมยังติดตั้งถังเชื้อเพลิงไว้สองถังและสามารถแผ่สนามพลัง Iฟิลด์ได้แบบบิ๊กแซม เวลาที่กิกัซแซมจะใช้ความเร็วสูงสุดนั้นจะเป็นโหมด A โดยยื่นขาไปด้านหน้าและกางกรงเล็บออกแบบแขนของบิโกร และเมื่อหันมาเน้นตั้งรับก็จะเป็นโหมด B ที่ลดขาลงมาด้านล่างแบบบิ๊กแซมซึ่งเป็นรูปแบบที่สามารถใช้ Iฟิลด์ป้องกันได้รอบตัวและยิงบีมแคนน่อนออกไปได้รอบทิศทางจึงเหมาะกับการป้องกันพื้นที่มาก สุดท้ายก็คือโหมด C แบบซีอองก์ซึ่งจะแยกกรงเล็บทั้งสองออกไปพร้อมกับโกสต์บิท การพัฒนาและก่อสร้างกิกัซแซมนั้นเสร็จสมบูรณ์หลังจากที่สงครามนีโอซีอ้อนครั้งที่หนึ่งยุติลงแล้ว โดยได้ทีม 3D ที่เคยบังคับจามุรฟินและเป็นมนุษย์ดัดแปลงไปแล้วทำหน้าที่นักบิน

nrx-033.jpg

NRX-033 Matabiri

First appearance Advance of Zeta: The Traitor to Destiny
Armor luna titanium alloy
Powerplant Minovsky type ultracompact fusion reactor
Special feature I-field barrier, Minovsky craft
Armaments

  • hide bomb
  • multiple launcher
  • large mega particle cannon
Unless otherwise stated, the content of this page is licensed under Creative Commons Attribution-ShareAlike 3.0 License