MBD-1A Dragoon
First appearance Metal Armor Dragonar
Designer Kunio Okawara
Head height 17.3 m
Empty weight 79.2 t Full weight 116.8 t
Armor multiple hybrid type ceralite coating
Dry engine output 280000 point Combat Maximum Power 340000 point
Armaments
- laser sword
- 55.6 mm hand railgun
- 10-tube missile pod
- 460 mm railcannon
MAรุ่นผลิตจำนวนมากที่ศจ.แลงค์ พลาโตออกแบบและพัฒนาจากข้อมูลการของดรากูนาร์ทั้งสามเครื่องโดยรวมเอาคุณสมบัติของทั้งสามไว้ในเครื่องเดียวเพื่อให้ผลิตใช้งานได้เร็วที่สุด โครงสร้างพื้นฐานของดรากูนนั้นแก้จากของดรากูนาร์ให้ผลิตได้ง่ายขึ้นแต่ก็ยังมีการขับเคลื่อนที่เทียบได้กับดรากูนาร์ 1 ที่หน้าอกของดรากูนติดตั้งอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ตามแบบของดรากูนาร์ 3 เครื่องกำเนิดพลังงานของดรากูนมีกำลังมากกว่าของดรากูนาร์ทั้งสามเครื่องและติดตั้งปีกแบบลิฟเตอร์ให้บินได้แต่แรก ระบบบังคับของดรากูนยังใช้คอมพิวเตอร์สนับสนุนที่มีความเป็นอัตโนมัติมากกว่าดรากูนาร์ซึ่งทำให้แม้แต่นักบินมือใหม่ก็สามารถใช้การเคลื่อนไหวระดับสูงได้ ปืนแฮนด์เรลกัน 55.6 มม.นั้นมีอัตราการยิงที่สูงกว่าและสามารถบรรจุกระสุนได้มากกว่าของดรากูนาร์ ที่ไหล่ขวาติดเรลแคนน่อน 460 มม.ซึ่งนอกจากจะมีอานุภาพกว่าเรลแคนน่อนของดรากูนาร์ 2 แล้วยังมีเซนเซอร์ในตัวซึ่งทำให้แม่นยำกว่าด้วยเช่นกัน ที่ปีกติดมิสไซล์พ็อดสิบลำกล้องไว้ และมีดาบเลเซอร์สำหรับใช้ต่อสู้ในระยะประชิดตัว
แม้ว่าดรากูนจะนับว่าเหนือกว่าดรากูนาร์ที่เป็นเครื่องต้นแบบในทุกด้าน แต่เนื่องจากต้องการให้ผลิตใช้งานได้โดยเร็วที่สุดจึงไม่มีการใช้เทคโนโลยีใหม่เลย ซึ่งทำให้ศจ.พลาโตได้ทำการปรับปรุงดรากูนาร์ทั้งสามในเวลาต่อมา นอกจากนั้นยังมีดีไซน์ของดรากูนแบบใช้งานเฉพาะทางเหมือนดรากูนาร์ทั้งสามเครื่องซึ่งไม่ได้ใช้งานจากที่ต้องการผลิตดรากูนให้เร็วที่สุด โดย MBD-01F ดรากูน 1 นั้นเป็นแบบเน้นการต่อสู้ระยะประชิดตัวและติดคาวาเลียร์ CXD-1 เพื่อเพิ่มอาวุธและให้จุเชื้อเพลิงได้มากขึ้น MBD-02A ดรากูน 2 เป็นแบบเน้นพลังทำลายโดยใช้แบ็คแพ็คติดเรลแคนน่อน 240 มม.สองกระบอกกับปืนอัตโนมัติ 75 มม.แบบสองลำกล้อง สุดท้ายคือ MBD-03R ดรากูน 3 ซึ่งเน้นการใช้งานแบบสอดแนมโดยเสริมเรดาร์ให้ใช้ตรวจจับศัตรูได้ดีกว่าดรากูนาร์ 3
RMA-07A Dreu
First appearance Metal Armor Dragonar
Designer Kunio Okawara
Head height 17.5 m
Empty weight 63.3 t Full weight 83.5 t
Armor Stelight synthetic armor with anti-sensor coating
Dry engine output 240000 point Combat Maximum Power 310000 point
Armaments
- 50 mm hand railgun
- active homing missile
MAรุ่นแรกที่ได้รับการผลิตจำนวนมากของจักรวรรดิกิกานอสซึ่งพัฒนามาจากหุ่นยนต์ที่ใช้ทำงานบนดวงจันทร์ โครงสร้างของดราวนั้นเรียกได้ว่ามีส่วนหัวเป็นแกนหลักแล้วเสริมส่วนตัวเข้าไป เนื่องจากในตัวของดราวนั้นแทบไม่มีที่ว่างเหลือจึงต้องใช้เตาปฏิกรณ์กำลังต่ำที่มีขนาดเล็ก ใช้ส่วนขาที่มีน่องขนาดใหญ่ติดเวอร์เนีย และมีถังเชื้อเพลิงอยู่ด้านหลัง ซึ่งหลังจากที่การพัฒนา MA ของกิกานอสก้าวหนาอย่างรวดเร็ว ดราวที่มีพลังป้องกันและความสามารถในการต่อสู้ในระดับต่ำมากจึงเหลือใช้งานอยู่เป็นเครื่องสอดแนมหรือลาดตะเวน ทั้งตัวของดราวนั้นเต็มไปด้วยเสาอากาศและระบบเซนเซอร์กับเรดาร์ ใช้อาวุธเป็นปืนแฮนด์เรลกัน 50 มม.แบบเดียวกับเกไวและไดน์ เสริมด้วยมิสไซล์นำวิถี ดราวนั้นสามารถใช้อุปกรณ์แบบคาวาเลียร์คล้ายกับของดรากูนาร์ 1 ได้ โดยเป็นเกราะเสริมป้องกันส่วนลำตัวทั้งหมดของดราวไว้และติดอาวุธเป็นเรลกัน 220 มม.สองกระบอก บนเกราะคาวาเลียร์นี้ติดเซนเซอร์ไว้สำหรับใช้แทนระบบเซนเซอร์หลักของดราวที่ถูกคาวาเลียร์ปิดทับไว้
WAMA-07A Zuwai
First appearance Metal Armor Dragonar
Designer Kunio Okawara
Head height 17.4 m
Empty weight 97 t Full weight 152 t
Armor Stelight type 2 with anti-sensor coating
Dry engine output 280000 point Combat Maximum Power 410000 point
Armaments
- iron claw
- 50 mm hand railgun
- 4-tube dual missile pod
MAแบบสะเทินน้ำสะเทินบกของหน่วยปฏิบัติการพิเศษของกิกานอส ซุไวนั้นเน้นการต่อสู้ในระยะประชิดตัวโดยมีมือซ้ายเป็นกรงเล็บขนาดใหญ่และมีเกราะหนาจึงใช้เครื่องยนต์ขนาดใหญ่ที่มีกำลังมาก ส่วนขาของซุไวจึงติดเวอร์เนียเพิ่มกำลังขับเคลื่อนด้วย แฮนด์เรลกัน 50 มม.มีขนาดเล็กกระทัดรัดกว่าปกติ และด้านหลังก็มีมิสไซล์พ็อดสี่ลำกล้อง