MS-14A Gelgoog
First appearance Mobile Suit Gundam
Designer Kunio Okawara
Head height 19.2 m
Base weight 42.1 t Full weight 73.3 t
Armor super-hard steel alloy
Powerplant Minovsky type ultracompact fusion reactor
Power output 1440 kW
Armaments
- beam naginata
- beam rifle
- shield
MSซึ่งเดิมทีนั้นบริษัทซีโอนิคพัฒนาเป็น MS-11 และตั้งใจให้เป็นกำลังหลักของซีอ้อนต่อจากซาคุทูว์ แต่การพัฒนา MS-11 นั้นล่าช้าไปมากจนกระทั่งกองทัพซีอ้อนได้นำริคดอมของบริษัทซิมมัดเข้าประจำการแทนซาคุทูว์ก่อน และเนื่องจากมีข่าวเรื่อง MSของสหพันธ์โลกแล้วการพัฒนา MS-11 จึงต้องปรับสเป็กให้สูงขึ้นอีก การพัฒนาเกลกุ๊กนั้นล่าช้าไปจนได้ใช้รหัส MS-11 กับแอ็คท์ซาคุก่อนและเปลี่ยนเกลกุ๊กเป็น MS-14 โดยตั้งใจให้ใช้งานบีมไรเฟิลได้เหมือนกับกันดั้ม การพัฒนาเกลกุ๊กนั้นในที่สุดก็ดำเนินไปอย่างรวดเร็วเมื่อกองทัพซีอ้อนได้ดำเนินแผนการปรับปรุงกำลังพลทั้งหมดซึ่งทำให้บริษัทผู้ผลิตอาวุธของซีอ้อนต้องแบ่งข้อมูลกัน โครงสร้างของเกลกุ๊กนั้นพัฒนามาจากซาคุรุ่นการขับเคลื่อนสูงรุ่น R-3 และลดขนาดชิ้นส่วนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ระบบขับเคลื่อนนั้นใช้ของบริษัทซิมมัด และพัฒนาอาวุธบีมจากของบริษัท MIP เกลกุ๊กนั้นเริ่มผลิตเป็นเครื่องต้นแบบจำนวน 25 เครื่องซึ่งทั้งหมดนั้นให้เอซของซีอ้อนเป็นนักบินและติดเขาเสาอากาศ โดยเครื่องหนึ่งนั้นเป็นของชาร์ อัสนาเบิล ส่วนอีก 24 เครื่องนั้นเป็นของหน่วยคิไมรา กองทัพซีอ้อนนั้นได้เลือกใช้เกลกุ๊กเป็นกำลังหลักแทนเกียนของบริษัทซิมมัดและได้เริ่มทำการผลิตเป็น MS-14A ส่วนเกลกุ๊กรุ่นต้นแบบนั้นก็ได้นับเป็นรุ่นจ่าฝูง เกลกุ๊กนั้นมีสมรรถนะที่สูงกว่ากันดั้มในเกือบทุกด้าน ดาบบีมที่ใช้นั้นเป็นแบบสองปลายซึ่งในขณะที่ถือโดยใช้งานทั้งสองด้านนั้นจะดูเหมือนถือง้าวอยู่จึงเรียกว่าบีมนากินาตะ แต่เนื่องจากใช้งานยากโดยปกติแล้วจึงมักเปิดใช้งานเพียงด้านเดียว โล่ของเกลกุ๊กยังฉาบบีมโคตไว้ให้ทนการโจมตีจากบีมได้บ้าง ที่แขนของเกลกุ๊กนั้นติดเวอเนียร์ไว้เผื่อการใช้งานบนโลก ท่อขับดันหลักของเกลกุ๊กนั้นอยู่ในเกราะกระโปรงและขาซึ่งที่เอวของเกลกุ๊กจะมีช่องดูดอากาศเมื่อใช้งานบนโลก สายเคเบิลส่งพลังงานของส่วนหัวยังมีขนาดเล็กลงให้โจมตีได้ยากขึ้น แต่เนื่องจากการผลิตบีมไรเฟิลจำนวนมากนั้นช้าไปมาก เกลกุ๊กจึงได้ลงสู่สนามรบช้ากว่าที่ควรจึงมีจำนวนน้อยและในขณะนั้นซีอ้อนก็สูญเสียนักบินฝีมือดีไปมากมายแล้ว นักบินส่วนใหญ่ของเกลกุ๊กจึงเป็นทหารจบใหม่อย่างเร่งด่วนและด้อยประสบการณ์จึงไม่สามารถใช้งานเกลกุ๊กได้ดีพอจะพลิกสถานการณ์ได้ เกลกุ๊กเครื่องหนึ่งนั้นเป็นของอนาเวล กาโต ผู้มีฉายาว่าฝันร้ายแห่งโซโลมอน
เกลกุ๊กยังมีรุ่นเกลกุ๊กเยเกอร์ซึ่งพัฒนาต่อไปอีกตามแผนการบำรุงกำลังรวม ในภาค Thunderbolt ยังมีเกลกุ๊กซึ่งปรับแต่งสำหรับใช้งานในธันเดอร์โบลท์เซคเตอร์ ซากอาณานิคมมัวร์ที่ไซด์ 4 โดยตามข้อต่อนั้นจะหุ้มฉนวนกันเศษเทหวัตถุซึ่งมีมากในธันเดอร์โบลท์เซคเตอร์ไว้ ที่แขนมีแขนกลติดอยู่ซึ่งสามารถใช้ถือโล่ได้สองแผง แบ็คแพ็คนั้นมีถังเชื้อเพลิงขนาดใหญ่และติดตั้งเครื่องกำเนิดพลังงานเสริมซึ่งเป็นแบบเดียวกับของปืนบิ๊กกันโดยบีมไรเฟิลที่เป็นอาวุธหลักจะใช้สายเคเบิลเชื่อมต่อโดยตรงกับแบ็คแพ็ค ในโล่ยังมีบีมนากินาตะ เกลกุ๊กรุ่นนี้นั้นหน่วยไซเรนใช้เข้าช่วยเหลือหน่วยลิฟวิงเดดที่ไซต์ 4 แต่เมื่อไปถึงนั้นการต่อสู้ก็ยุติลงแล้ว และในการต่อสู้ที่อบาวอากู ดาริล ลอเรนซ์ก็ได้ใช้เกลกุ๊กรุ่นนี้ร่วมในการต่อสู้ แต่เนื่องจากดาริลมีมือเทียมทั้งสองข้างจึงบังคับได้ไม่ถนัดและแทบต่อสู้ไม่ได้เลย ในช่วงศึกกรีปส์นั้นเอวโกก็ได้เก็บเอาเกลกุ๊กไปจากซากยานของซีอ้อนและดัดแปลงโดยใช้โครงสร้างของนีโมแทน
Gundam UC version
Designer Hajime Katoki
MS-14S Gelgoog Commander Type
First appearance Mobile Suit Gundam
Designer Kunio Okawara
MS-14 Gelgoog (Thunderbolt Sector)
First appearance Mobile Suit Gundam Thunderbolt
Designer Yasuo Ohtagaki