RX-77-2 Guncannon
First appearance Mobile Suit Gundam
Designer Kunio Okawara
Head height 17.5 m
Base weight 51 t Full weight 70 t
Armor lunar titanium alloy
Powerplant Minovsky type ultracompact fusion reactor
Power output 1380 kW
Special feature Core Block System (FF-X7 Core Fighter)
Armaments
- 60 mm vulcan gun
- beam rifle
- 240 mm cannon
- spray missile launcher
MSเครื่องที่สองในโปรเจ็ค V กันแคนน่อนนั้นได้รับการพัฒนาเป็น MSแบบเดินสองขาตามปกติหลังจากที่พบว่าการเคลื่อนที่ด้วยตีนตะขาบของกันแทงก์นั้นไม่คล่องตัวพอ กันแคนน่อนนั้นก็ใช้ระบบคอร์บล็อกซึ่งสามารถแยกค็อกพิตออกมาเป็นยานคอร์ไฟเตอร์หนีออกมาได้ในยามคับขันและเกราะโลหะผสมลูนาไททาเนียมเช่นเดียวกับกันดั้ม แต่กันแคนน่อนนั้นได้รับการออกแบบให้ทำหน้าที่ยิงสนับสนุนจากระยะห่างในขณะที่กันดั้มเข้าต่อสู้ในระยะประชิดจึงไม่สนใจเรื่องความคล่องแคล่วมากนัก เกราะของกันแคนน่อนจึงหนากว่ากันดั้มและใช้อาวุธหลักเป็นปืนใหญ่ 240 มม.ประทับบ่าสองข้าง กับบีมไรเฟิลและปืนวัลแคนติดหัวเป็นอาวุธเสริม แม้ว่าสมรรถนะของกันแคนน่อนจะต่ำกว่ากันดั้มแต่ก็ยังสามารถใช้งานบนโลกได้ดีและสามารถใช้ท่อขับดันกระโดดสั้นๆได้
กันแคนน่อนนั้นก็มีเพียงเครื่องเดียวที่รอดจากการโจมตีของซีอ้อนที่ไซด์ 7มาได้ ซึ่งต่อมาก็ได้ไค ชิเด็น หนึ่งในพลเรือนของไซด์ 7เป็นนักบิน ในฉบับหนังตัดต่อใหม่ ยานไวต์เบสยังได้กันแคนน่อนเครื่องที่สองเข้าประจำการแทนกันแทงก์โดยมี ฮายาโตะ โคบายาชิ เป็นนักบิน นอกจาก RX-77-2 ซึ่งพัฒนาที่ไซด์ 7 แล้วยังมีเครื่องต้นแบบอีกเครื่องคือ RX-77-1A กันแคนน่อน A ซึ่งเป็นเครื่องที่สหพันธ์ใช้ในการทดลองเพื่อหารูปแบบของเกราะและอาวุธที่เหมาะสมที่สุด กันแคนน่อนนั้นมีการผลิตใช้งานเป็นจำนวนจำกัดและยังได้รับการออกแบบใหม่เพื่อผลิตจำนวนมากเป็น RX-77D โดยตัดระบบคอร์บล็อกออกไปและใช้ชิ้นส่วนบางส่วนเป็นแบบเดียวกับของจิมซีรีส์ เกราะของกันแคนน่อนรุ่นผลิตจำนวนมากนั้นเป็นโลหะผสมไททาเนียมกับเซรามิคแทนลูนาไททาเนียมแต่ก็ยังคงมีเกราะที่หนามากอยู่ ข้อมูลที่ได้มาจากพัฒนากันแคนน่อนนั้นทำให้สมรรถนะของรุ่นผลิตจำนวนมากสูงกว่ารุ่นต้นแบบ ใช้ปืนกลเป็นอาวุธมือถือแทนบีมไรเฟิล
รูปแบบมาตรฐานของกันแคนน่อนยังได้รับการพัฒนาต่อไปอีกเป็น RX-77-3 กันแคนน่อนรุ่นติดตั้งอาวุธหนัก ซึ่งเน้นการใช้งานแบบยูนิตเดี่ยวแทนการยิงสนับสนุนโดยปรับปรุงเกราะและเพิ่มระเบิดมือเป็นอาวุธเสริม ระบบคอร์บล็อกถูกเอาออกไปเพื่อลดค่าใช้จ่ายในการผลิต RX-77-3นี้ได้พัฒนาต่อมาอีกเป็น RX-77-3D โดยเสริมท่อขับดันที่ขาและแบ็คแพ็คอีกสี่จุดเพื่อเพิ่มการขับเคลื่อน และอาวุธเสริมคือบาซูก้า 380 มม. RX-77-3D ยังมีโล่ขนาดเล็กแบบเดียวกับกันดั้มภาคพื้นดิน โดยนอกจากจะใช้สำหรับป้องกันตัวแล้วยังช่วยถ่วงสมดุลน้ำหนักของบาซูก้าด้วย ซึ่ง RX-77-3D นี้ส่วนใหญ่แล้วใช้ในการต่อสู้กับทหารซีอ้อนในพื้นที่แอฟริกาเหนือช่วงท้ายสงครามหนึ่งปี และในภายหลังนั้นก็พัฒนาไปอีกขั้นเป็น RX-77-4 กันแคนน่อนทูว์ ซึ่งใช้บีมแคนน่อนติดไหล่ขวาและมีเซนเซอร์พิเศษที่ไหล่ซ้ายเป็นอุปกรณ์เล็งแทนปืนใหญ่แฝด เนื่องจากไม่ต้องแบกน้ำหนักของกระสุนปืนใหญ่ กันแคนน่อนทูว์จึงมีความคล่องตัวสูงกว่ารุ่นก่อนหน้านี้มาก
ในภาค Thunderbolt สหพันธ์ยังได้ส่งกันแคนน่อนสี่เครื่องพร้อมกับฟุลอาเมอร์กันดั้มไปที่ธันเดอร์โบลท์เซคเตอร์ ซากอาณานิคมมัวร์ที่ไซด์ 4 เพื่อใช้ต่อต้านสไนเปอร์ของหน่วยลิฟวิงเดด โดยดัดแปลงตามแบบของจิมแคนน่อนและเสริมเกราะส่วนหัวเพื่อกันเศษเทหวัตถุในธันเดอร์โบลท์เซคเตอร์พร้อมกับเสริมท่อขับดันขนาดเล็กไว้ทั่วตัว ระบบคอร์บล็อกเปลี่ยนเป็นแบบค็อกพิตหนีภัย แบ็คแพ็คนั้นจะยกปืนใหญ่ไว้สูงขึ้นและมีแขนกล และที่ไหลไม่มีร่องให้ประทับปืนใหญ่แบบรุ่นมาตรฐาน ในเวลาต่อมานั้นยังมีการดัดแปลง RX-77AQ กันแคนน่อนอควอ เพื่อให้ใช้งานแบบสะเทินน้ำสะเทินบก โดยติดตั้งระบบขับเคลื่อนไฮโดรเจ็ตไว้ที่ลำตัวและเข่า ที่แบ็คแพ็คก็มีเครื่อยนต์ไฮโดรเจ็ตกับตอร์ปิโดลันเชอร์ บีมไรเฟิลก็เปลี่ยนเป็นนีดเดิลกัน และติดบีมเซเบอร์ นอกจากนั้นยังมี RX-77-4BG บุล G ซึ่งพัฒนามาจากกันแคนน่อนทูว์หลังสงครามหนึ่งปี โดยแอนาไฮม์อิเล็กทรอนิกส์ใช้ในการพัฒนา MS ที่สวมเกราะแบบฟุลอาเมอร์และใช้อาวุธที่มีอานุภาพรุนแรงให้เป็นกำลังหลักของสหพันธ์
Gundam Evolve version
Cucuruz Doan's Island version
Equipped with missile launcher