
SA-16 Stylet
First appearance Multi Assemble Mechanics Unit Frame Arms
Designer Takayuki Yanase
Height 15.7 m
Armaments
- knuckle sword
- 60 mm gatling gun
- 2-missile launcher
หนึ่งใน FA รุ่นแรกที่พัฒนามาจากเฟรมอาร์คิเทคซึ่งเดิมทีนั้นออกแบบสำหรับใช้งานในโครงการรีสเฟียร์ เฟรมอาร์คิเทคนั้นสามารถเลียนแบบการเคลื่อนไหวของมนุษย์ได้อย่างสมบูรณ์และสามารถใช้งานได้ในทุกสภาวะโดยการถอดเปลี่ยนอุปกรณ์กับโครงสร้าง สติลเล็ตนั้นใช้โครงสร้างหลักแบบ Fa/Type001 และเป็น FA รุ่นแรกที่ได้รับการออกแบบสำหรับใช้ต่อสู้กลางอากาศด้วยความเร็วสูงเหมือนเครื่องบินรบ เกราะของสติลเล็ตเป็นโลหะผสมจูลาเนียมทำให้ตัวเครื่องมีน้ำหนักเบา โครงสร้างของเฟรมอาร์คิเทคนั้นเสริมด้วยอุปกรณ์ต้านแรงกดขณะขับเคลื่อนและเสริมหางเสือปรับสมดุลไว้ตามส่วนต่างๆ ที่ส้นเท้าเป็นล้อสำหรับใช้แล่นบนพื้นและนำเครื่องขึ้นลงแบบเครื่องบินซึ่งเครื่องยนต์ไซเรนมาร์คทูว์ที่เป็นระบบขับเคลื่อนหลักนั้นได้รับการออกแบบให้ใช้นำเครื่องขึ้นและลงจอดได้โดยใช้รันเวย์ระยะสั้นได้ เนื่องจากเน้นการใช้งานเหมือนเครื่องบินขับไล่ทั่วไป สติลเล็ตจึงใช้อาวุธมาตรฐานเป็นปืนกลแก็ตลิ่ง 60 มม.กับมิสไซล์ลันเชอร์แบบสองนัดติดแขน หางเสือที่ไหล่นั้นยังได้รับการออกแบบให้ทนทานและสามารถถอดมาใช้เป็นนัคเคิลซอร์ดสำหรับต่อสู้ในระยะประชิดตัวได้ แม้ว่าในภายหลังจะมี FA รุ่นใหม่ๆออกมา แต่ก็มีสติลเล็ตจำนวนมากที่ประจำการโดยปรับแต่งชิ้นส่วนให้เป็น FA สมรรถนะสูงอยู่เสมอ
สติลเล็ตนั้นเป็นที่แพร่หลายและประจำการในกองทัพต่างๆทั่วโลก ทั้งยังได้รับการดัดแปลงเป็นรุ่นต่างๆมากมาย โดยรุ่นสำคัญก็คือ Sa-16d คฮานจาร์ ซึ่งพัฒนาโดยกลุ่มตะวันออกกลางหลังจากที่ซื้อสติลเล็ตจากฝรั่งเศสเพื่อใช้ต่อสู้กับกองทัพ FA แบบไร้คนบังคับของดวงจันทร์ เนื่องจากพื้นที่ของกลุ่มตะวันออกกลางนั้นกว้างมาก แม้สติลเล็ตจะมีความเร็วพอที่จะตอบสนองต่อการโจมตีได้เร็วพอแต่เนื่องจากขณะปฏิบัติการนั้นต้องเปิดใช้ใช้ไอพ่นเกือบตลอดเวลาจึงมีระยะเวลาทีป่ฏิบัติการได้ค่อนข้างสั้นและใช้ป้องกันพื้นที่ได้ไม่ดีนัก คฮานจาร์นั้นถอดหางเสือปรับสมดุลตามส่วนต่างๆออกและเปลี่ยนส่วนไหล่เป็นแบบติดตั้งท่อขับดันเสริมกับเครื่องยนต์รองให้การขับเคลื่อนสูงขึ้น เกราะเกือบทั้งตัวแก้ให้น้ำหนักเบาลงและปรับให้สมดุลดีขึ้นโดยแลกกับที่พลังป้องกันต่ำลง เนื่องจากคำนึงถึงการปฏิบัติการภาคพื้นดินมากกว่าเดิมจึงแก้ส่วนขาให้สามารถพับเข่าเป็นแบบสลับด้านซึ่งสามารถวิ่งและใช้ล้อแล่นได้เร็วขึ้น อาวุธหลักของคฮานจาร์นั้นเปลี่ยนเป็นปืนกลกับมัลติมิสไซล์ลันเชอร์แบบมือถือซึ่งกระทัดรัดกว่าเดิม สติลเล็ตเองนั้นก็มีรุ่นที่เปลี่ยนส่วนไหล่เป็นแบบคฮานจาร์โดยเรียกว่า SA-16B25 ซูเปอร์สติลเล็ต
นอกจากนั้นยังมี SA-17 แรเปียร์ ซึ่งพัฒนามาจากสติลเล็ตแต่ดัดแปลงให้ลอยตัวนิ่งๆกลางอากาศได้ดีแบบเฮลิคอปเตอร์และโจมตีจากระยะไกลด้วยปืนสไนเปอร์เพื่อชดเชยจุดอ่อนด้านการต่อสู้ระยะประชิดตัวของสติลเล็ต การดัดแปลงแรเปียร์นั้นทำให้โครงสร้างออกมาเป็นแบบผู้หญิงโดยที่หัวนั้นมีเรดาร์พิเศษที่ดูคล้ายผมทวินเทลและสามารถเล็งโจมตีเป้าหมายด้วยสไนเปอร์ไรเเฟิลได้จากระยะสี่กิโลเมตร เครื่องยนต์ไซเรนมาร์คไฟฟ์ด้านหลังนั้นสามารถแยออกมาเป็นเครื่องบินสอดแนมไร้คนบังคับ สปอตเตอร์ ได้ แต่เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการผลิตแรเปียร์นั้นสูงกว่สติลเล็ตเป็นสองเท่าและการจะใช้งานสไนเปอร์ไรเฟิลเล็งจากกลางอากาศนั้นยังต้องใช้ฝีมืออย่างมากจึงผลิตเป็นจำนวนจำกัดให้นักบินฝีมือดีและผู้บังคับบัญชาใช้งานเท่านั้น เรดาร์ติดหัวนั้นยังนับว่าค่อนข้างหนักในเวลาต่อมาจึงได้พัฒนาต่อมาเป็นแบบติดด้านหลังแบบผมหางม้าและแบบเขาครีบด้านหน้าที่เบาขึ้นอีก ในบรรดาแรเปียร์นั้นมีเครื่อดัดแปลงพิเศษสีน้ำเงิน SA-17s ของคุซากิริ สุมิกะ ซึ่งปรากฏตัวครั้งแรกและเข้าช่วยเหลือกองทัพโลกในการต่อสู้ที่อลาสกาแต่ไม่มีชื่อในทะเบียนของกองทัพโลก แรเปียร์ของสุมิกะนั้นมีสมรรถนะสูงมากและใช้การต่อสู้ด้วยความเร็วซึ่งต่างจากแรเปียร์โดยทั่วไปจึงได้รับชื่อว่า แรเปียร์เซเฟอร์ ใช้อาวุธเป็นปืนแม่เหล็กไฟฟ้าคู่ จุนไค กับ อุกัตสึ ที่แม้ว่าจะมีขนาดเล็กเหมือนปืนพกแต่มีอานุภาพที่สามารถทำลายโคบอล์ดซึ่งสามารถทนปืนใหญ่ของโกไรได้ในนัดเดียว แรเปียร์เซเฟอร์กับสุมิกะนั้นเป็นพันธมิตรลึกลับที่ช่วยเหลือกองทัพโลกก่อนจะจากไปโดยไร้ร่องรอยอยู่หลายครั้ง จนกระทั่งในการต่อสู้ที่เวลเกทซึ่งแรเปียร์เซเฟอร์ได้รับความเสียหายอย่างหนัก ซากของแรเปียร์เซเฟอร์นั้นถูกกองทัพดวงจันทร์เก็บไปส่วนหนึ่งก่อนที่กองทัพโลกจะเก็บกู้ส่วนที่เหรือไปศึกษาและพัฒนาต่อมาเป็นบาเซลาร์ด