อื่นๆ
ig-227.jpg

IG-227 Hailfire

First appearance Star Wars: Jedi Starfighter
Length 8.5 m
Armaments

  • laser cannon
  • missile launcher

หุ่นยนต์ดรอยด์แบบรถถังซึ่งเดิมทีเป็นหุ่นยนต์ที่กลุ่มธนาคารอินเตอร์กาแล็กติกใช้จัดการกับลูกหนี้ที่จ่ายเงินไม่ทันตามกำหนด เมื่อกลุ่มธนาคารได้ร่วมในการก่อตั้งสมาพันธ์ดวงดาวอิสระซึ่งต้องการแบ่งแยกตัวเองจากสาธารณรัฐกาแล็กติกจึงได้ดัดแปลงให้ใช้การการสู้รบเต็มรูปแบบได้ เฮลไฟเยอร์นั้นขับเคลื่อนด้วยล้อขนาดใหญ่สองล้อด้านข้างจึงมีความเร็วสูงมากและติดตั้งอาวุธหลักเป็นมิสไซล์ลันเชอร์ซึ่งมีพลังทำลายพอที่จะทำลายวอล์คเกอร์รุ่นหนักอย่าง AT-TEของสาธารณรัฐได้ ส่วนเป้าหมายขนาดเล็กอย่างทหารโคลนนั้นจะใช้ปืนเลเซอร์หรือใช้ล้อบดได้ นอกจากนั้นยังสามารถเปลี่ยนมิสไซล์ลันเชอร์เป็นอาวุธอื่นๆอย่างปืนบลาสเตอร์ต่อต้านอากาศยานหรือปืนใหญ่อิออนได้ พลังทำลายและความเร็วในระดับสูงของเฮลไฟเยอร์นั้นทำให้เป็นอาวุธที่ใช้การได้ดีทั้งกับวอล์คเกอร์รุ่นหนักและกองทหารโคลน จุดอ่อนของเฮลไฟเยอร์ก็คือบรรทุกมิสไซล์ได้เพียงสามสิบนัดเท่านั้น ซึ่งกลุ่มธนาคารก็เคยถอนกำลังเฮลไฟเยอร์จากแนวหน้าเป็นการชั่วคราวก่อนแก้ปัญหาโดยการใช้หุ่นดรอยด์สนับสนุนภาคอากาศบรรทุกมิสไซล์สำรองให้

ดรอยด์แบบรถถังอีกรุ่นที่กลุ่มแบ่งแยกใช้เป็นกำลังหลักก็คือ NR-N99 เพอร์ซูเอเดอร์ ซึ่งมีรูปร่างคล้ายกับหอยทากโดยส่วนกลางนั้นเป็นตีนตะขาบที่เป็นระบบขับเคลื่อนหลัก ก่อนหน้าสงครามโคลนนั้นสหพันธ์พ่อค้าใช้เพอร์ซูเอเดอร์จัดการกับดาวเคราะห์ห่างไกลความเจริญที่คัดค้านแผนการพัฒนาหรือต่อต้านการผูกขาดของสหพันธ์ ก่อนจะได้รับการดัดแปลงให้ใช้ในสงครามกับสาธารณรัฐ เพอร์ซูเอเดอร์นั้นสามารถติดตั้งอาวุธไว้ด้านข้างได้ โดยทั่วไปแล้วจะติดตั้งปืนอิออนและปืนบลาสเตอร์แบบยิงได้ต่อเนื่องเป็นอาวุธ แต่ก็สามารถเปลี่ยนเป็นติดตั้งมิสไซล์ลันเชอร์ได้เช่นกัน นอกจากนั้นยังใช้เป็นยานลำเลียงทหารดรอยด์ได้โดยให้ยืนบนเกราะครอบตีนตะขาบเสริมด้านข้าง เนื่องจากตีนตะขาบหลักนั้นมีขนาดใหญ่ เพอร์ซูเอเดอร์จึงมักเป็นแนวหน้าบุกเข้าบดทำลายเป้าหมายที่กีดขวางทาง จุดอ่อนของเพอร์ซูเอเดอร์นั้นอยู่ที่เลี้ยวยากมาก ถ้าถูกศัตรูเข้าโจมตีจากด้านข้างขณะที่ไม่มีทหารดรอยด์อยู่ก็จะถูกทำลายได้ง่ายๆ ในภายหลังกลุ่มแบ่งแยกจึงได้ดัดแปลงบางเครื่องให้ติดตั้งป้อมปืนเลเซอร์เพื่อใช้ป้องกันตัวจากด้านข้างแทน

เมื่อสงครามโคลนจบลงหลังจากที่ดาร์ธเวเดอร์สังหารสมาชิกสภาของสมาพันธ์ดวงดาวอิสระ ดรอยด์รถถังทั้งสองรุ่นทั้งหมดก็ถูกปิดระบบไป แต่ก็มีเฮลไฟเยอร์จำนวนหนึ่งที่กลุ่มกบฏเก็บเอาไปและเดินเครื่องใช้งานใหม่ในสงครามต่อต้านจักรวรรดิ

nr-n99.jpg

NR-N99 Persuader

First appearance HoloNet News
Length 10.96 m
Armaments

  • ion cannon
  • heavy repeating blaster gun
  • concussion missile launcher

spha-t.jpg

Self-Propelled Heavy Artillery

First appearance Star Wars Episode II: Attack of the Clones
Length 140.2 m
Armaments

  • turbolaser
  • ion cannon
  • anti-vehicle laser gun
  • concussion missile launcher
  • mass-driver cannon
  • anti-personal blaster gun

หนึ่งในวอล์คเกอร์ที่สาธารณรัฐกาแล็กติกพัฒนาขึ้น SPHAนั้นเป็นวอล์คเกอร์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดและเน้นการใช้งานเป็นเหมือนป้อมปืนใหญ่เคลื่อนที่มากกว่าจะใช้ลำเลียงทหารโคลน แต่ก็สามารถบรรทุกทหารโคลนได้ 30 นายซึ่งมีหน้าที่ป้องกัน SPHA จากภาคพื้นดินหลังจากที่เข้าประจำตำแหน่งแล้ว SPHAมีขา 12 ข้างและมีเกราะที่หนามาก รุ่นที่แพร่หลายที่สุดก็คือ SPHA-T ซึ่งติดตั้งเทอร์โบเลเซอร์ที่มีพลังทำลายสูงพอๆกับที่ยานรบใช้เป็นอาวุธหลักแต่ไม่มีกลไกให้หันได้แบบป้อมปืน และเนื่องจาก SPHAนั้นขยับได้ช้ามากจึงไม่มีทางยิงเป้าหมายที่เคลื่อนที่อย่างรวดเร็วได้ แต่ SPHAก็สามารถติดตั้งอาวุธแบบอื่นๆได้ตามสถานการณ์ คือ SPHA-I ซึ่งติดตั้งปืนใหญ่อิออน SPHA-V ซึ่งติดตั้งปืนเลเซอร์ต่อต้านยานพาหนะ SPHA-M ซึ่งติดตั้งปืนแมสไดรเวอร์ และ SPHA-C ซึ่งติดตั้งมิสไซล์ลันเชอร์ ทำให้สามารถยิงเป็นแนวโค้งเพื่อสนับสนุนการโจมตีภาคพื้นดินได้ SPHAยังสามารถตืดตั้งปืนบลาสเตอร์ต่อต้านทหารราบ 12 กระบอกไว้ป้องกันตัวได้ ในช่วงสงครามโคลนนั้น นอกจากจะใช้ต่อสู้ในภาคพื้นดินแล้ว บางครั้งยานพิฆาตดาราจะเก็บ SPHA-T ไว้ในโรงเก็บเพื่อใช้เป็นป้อมปืนเสริม เมื่อสถาปนาจักวรรดิกาแล็กติกแล้วก็ยังมีการใช้งาน SPHAอยู่ จนกระทั่งถูกปลดระวางไปเมื่อจักวรรดิได้พัฒนา SPMA (Self-Propelled Medium Artillery) ซึ่งปรับปรุงโครงสร้างและโลหะผสมที่ใช้ทำเกราะจนมีขนาดเล็กลงและคล่องตัวมากขึ้น แต่ยังสามารถบรรทุกเทอร์โบเลเซอร์ได้เหมือนเดิม


vulture.jpg

Vulture

First appearance Star Wars Episode II: Attack of the Clones
Length 6.96 m
Armor alclad alloy
Armaments

  • blaster cannon
  • energy torpedo
  • discord missile

แบทเทิลดรอยด์ของสหพันธ์พ่อค้า วัลเจอร์นั้นได้รับการออกแบบให้ใช้งานแบบยานขับไล่ไร้คนบังคับซึ่งสามารถบินในชั้นบรรยากาศของดาวเคราะห์ได้ด้วยความเร็วถึง 1200 กม.ต่อชั่วโมงและทำการผาดโผนที่นักบินไม่สามารถทำได้ วัลเจอร์มีจุดเด่นที่ส่วนปีกทั้งสองซึ่งสามารถกางออกได้โดยเมื่อบินตามปกตินั้นจะหุบปีกไว้และเมื่อจะทำการต่อสู้จึงกางปีกออกให้ใช้งานบลาสเตอร์แคนน่อนที่อยู่ในปีกได้ วัลเจอร์ยังสามารถพับหันปีกลงแล้วใช้เป็นขาสำหรับเดินได้โดยในสภาพนี้ส่วนหัวจะยื่นออกมาจากลำยาน นอกจากจะใช้สนับสนุนกำลังภาคพื้นดินแล้วก็ยังใช้เกาะไปตามด้านนอกของยานแม่เพื่อให้สามารถออกปฏิบัติการในอวกาศได้อย่างรวดเร็ว แต่ในขณะที่ปฏิบัติการภาคพื้นดินนั้นบลาสเตอร์แคนน่อนจะหันลงหาพื้นจึงใช้ในการต่อสู้ไม่ได้และต้องใช้ตอร์ปิโดพลังงานสองกระบอกที่ลำตัวเป็นอาวุธหลักแทน วัลเจอร์นั้นมีเชื้อเพลิงพอให้ปฏิบัติการได้เพียง 35 นาทีเท่านั้น แต่ปกติแล้วสมาพันธ์ดวงดาวอิสระจะใช้งานวัลเจอร์เป็นจำนวนมากทำการโจมตีเป็นระลอกเพื่อผลัดกันเติมเชื้อเพลิง วัลเจอร์นั้นถูกโปรแกรมให้ทำลายตัวเองหากว่าการเชื่อมต่อกับยานควบคุมถูกตัดขาด ในช่วงสงครามโคลนนั้นสหพันธ์พ่อค้าได้เข้าร่วมกับสมาพันธ์ดวงดาวอิสระและระหว่างสงครามนี้วัลเจอร์ก็ได้รับการปรับปรุงโดยเปลี่ยนเครื่องยิงตอร์ปิโดพลังงานเป็นมิสไซล์ลันเชอร์แทน ปกติแล้ววัลเจอร์จะใช้ดิสคอร์ดมิสไซล์ซึ่งใช้ในการส่งดรอยด์นักวินาศกรรมเข้าไปถึงยานของศัตรู


aat.jpg

Armored Assault Tank

First appearance Star Wars Episode I: The Phantom Menace
Length 9.75 m
Armaments

  • anti-personnel blaster
  • laser blaster
  • heavy laser cannon
  • energized shell projectile launcher

รถถังแบบลอยตัวของสหพันธ์พ่อค้า มีเกราะที่ด้านหน้าหนาจนใช้พุ่งชนและพังกำแพงได้ AATนั้นใช้หุ่นดรอยด์สี่ตัวบังคับโดยตัวหนึ่งจะทำหน้าที่ผู้บัญชาการและบังคับปืนเลเซอร์หลักที่ป้อมปืนด้านบน ส่วนพลขับกับพลปืนอีกสองตัวจะอยู่ในตัวเครื่อง ซึ่งนอกจากปืนเลเซอร์หลักแล้ว AATยังมีอาวุธเป็นเลเซอร์กระบอกเล็กกับปืนบลาสเตอร์ต่อต้านบุคคลอย่างละสองกระบอก ที่ฐานมีเครื่องยิงกระสุนพลังงานหกลำกล้องซึ่งใช้ยิงกระสุนหุ้มด้วยพลาสมาเพื่อให้ต้านลมน้อยลงและมีความเร็วกับพลังทำลายสูงขึ้นไปด้วย AATนั้นจะบรรจุกระสุนไว้สามแบบ คือ ระเบิดบังเกอร์บัสเตอร์สำหรับใช้ทำลายสิ่งปลูกสร้าง กระสุนเจาะเกราะสำหรับทำลายรถถัง และกระสุนพลังงานสูงสำหรับใช้โจมตีเป้าหมายทั่วไป ส่วนฐานของ AATนั้นได้รับการออกแบบให้ถอดเปลี่ยนได้ง่าย เมื่อยิงจนกระสุนหมดแล้วจึงสามารถเปลี่ยนได้ที่ยานลำเลียง ระบบลอยตัวของ AATนั้นมีความเร็วสูงทีเดียวแม้จะเทียบกับยานสปีดเดอร์ไม่ได้ จุดด้อยของ AATนั้นอยู่ที่ระบบลอยตัวนั้นไม่สามารถฝ่าเข้าไปในสนามพลังได้ AATนั้นเป็นกำลังหลักในการรุกรานดาวนาบู ซึ่งเมื่ออนาคิน สกายวอล์คเกอร์หยุดการทำงานของหุ่นดรอยด์ทั้งหมดโดยทำลายยาควบคุมก็มี AATถูกยึดไปมากมาย และเมื่อสหพันธ์พ่อค้าเข้าร่วมกับสมาพันธ์ดวงดาวอิสระในสงครามช่วงสงครามโคลนก็ยังคงใช้งาน AATอยู่โดยได้ทาสีใหม่และเพิ่มเลเซอร์เสริมเป็นสี่กระบอก แม้แต่หลังสงครามโคลน จักวรรดิกาแล็กติกก็ยังคงมี AATประจำการอยู่โดยใช้สตอร์มทรูเปอร์บังคับแทนหุ่นดรอยด์


mtt.jpg

Multi-Troop Transport

First appearance Star Wars Episode I: The Phantom Menace
Length 31 m
Armaments

  • twin blaster cannon

ยานลอยตัวลำเลียงทหารดรอยด์ของสหพันธ์พ่อค้า MTTนั้นมีขนาดใหญ่มากและมีเกราะด้านหน้าที่หนาจนสามารถชนทะลุกำแพงได้ ในตัว MTTนั้นสามารถบรรทุกทหารดรอยด์รุ่น B1พร้อมบลาสเตอร์ไรเฟิลได้ 112 ตัว หรือดรอยด์เดกา 20 ตัว โดยล็อกไว้กับราวที่สามารถเลื่อนเข้าออกได้ด้วยระบบไฮดรอลิก เมื่อไปถึงที่หมายแล้ว MTTก็จะเปิดด้านหน้าออกแล้วยื่นราวออกไปเพื่อให้ทหารดรอยด์เข้าสู่สนามรบได้โดยตรง ในช่วงแรกนั้นจะบรรทุกทหารดรอยด์ไปในสภาพที่พับไว้เพื่อให้บรรทุกได้มาก แต่ในช่วงสงครามโคลนก็ได้ออกแบบใหม่ให้อยู่ในท่ายืนเพื่อให้ออกรบได้เร็วขึ้น MTTนั้นติดตั้งป้อมปืนบลาสเตอร์แฝดไว้ด้านหน้าสองป้อม MTTจึงเหมาะกับการนำกองกำลังบุกทะลวงเป็นแนวหน้ามาก โดยหลังจากส่งทหารดรอยด์ออกไปแล้วก็จะทำการยิงสนับสนุนต่อ นอกจาก MTTแล้ว สหพันธ์พ่อค้ายังได้ใช้ยานลำเลียงพลอีกแบบคือ Platoon Attack Craft โดยดัดแปลงมาจากยานบรรทุกของพลเรือนแต่ติดราวของ MTTเข้าไป PACนั้นสามารถบรรทุกทหารดรอยด์ได้เท่ากับ MTT แต่มีขนาดเล็กกว่าและไม่มีเกราะป้องกันหรืออาวุธทำให้มีความเร็วสูงกว่า PACนั้นไม่สามารถใช้เป็นแนวหน้าได้ จึงใช้ลำเลียงพลในพื้นที่ที่ควบคุมไว้แล้วหรือมีกำลังคุ้มกันไปด้วย และเมื่อปล่อยทหารดรอยด์ไปแล้วก็จะถอนตัวออกจากบริเวณนั้น ทั้ง MTTและ PACนั้นใช้งานครั้งแรกในการรุกรานดาวนาบูและมีการใช้งานต่อมาจนถึงสงครามโคลน เมื่อสงครามโคลนจบลงก็ไม่ปรากฏว่ามีการใช้งาน MTTอีก ส่วน PACนั้นมีที่ถูกพลเรือนเอาไปถอดราวออกแล้วใช้ขนส่งแบบปกติเหมือนเดิม

Unless otherwise stated, the content of this page is licensed under Creative Commons Attribution-ShareAlike 3.0 License