เดสทินีกันดั้ม
zgmf-x42s.jpg

ZGMF-X42S Destiny Gundam

First appearance Mobile Suit Gundam SEED DESTINY
Designer Kunio Okawara
Overall height 18.08 m
Weight 79.44 t
Armor Variable Phase Shift armor
Powerplant ultracompact hyper deuterion nuclear reactor
Special feature Wing of Light
Armaments

  • 'Arondight' beam sword
  • 17.5mm CIWS
  • 'Flash Edge 2' beam boomerang
  • high-energy beam rifle
  • high-energy long-range beam cannon
  • 'Palma Fiocina' beam cannon
  • anti-beam shield
  • 'Solidus Fulgur' beam shield generator

MSซึ่ง ZAFTพัฒนาโดยได้รับการสนับสนุนจากประธานกิลเบิร์ต ดูแรนดัลและเป็นเหมือนไพ่ตายในสงครามกับกลุ่มพันธมิตรโลกครั้งที่สอง โดยแรกเริ่มนั้นได้พัฒนาเป็นซิลลูเอ็ทของอิมพัลส์กันดั้มซึ่งรวมเอาคุณสมบัติของซิลลูเอ็ทพื้นฐานทั้งสามไว้ในชุดเดียวเรียกว่า θ เดสทินีซิลลูเอ็ท เพื่อให้ไม่ต้องพึ่งพายานมิเอร์วาสำหรับเปลี่ยนซิลลูเอ็ทตามสถานการณ์อีก เดสทินีซิลลูเอ็ทนั้นติดตั้งดาบต่อต้านยานรบ "เอ็กซ์คาลิเบอร์"แบบเดียวกับของซอร์ดอิมพัลส์ไว้สองเล่มและก็มีบีมแคนน่อนระยะไกลแบบพับลำกล้องได้สองกระบอก ส่วนปีกซึ่งพัฒนาต่อมาจากปีกของฟรีดอมกันดั้มนั้นติดตั้งระบบขับเคลื่อนของเดสทินีซิลลูเอ็ทซึ่งดัดแปลงมาจากระบบขับเคลื่อนวอลทัวร์ลูมิเอลของสตาร์เกเซอร์ โดยเดสทินีซิลลุเอ็ทจะใช้ระบบเลเซอร์ในตัวส่งพลังงานให้วอลทัวร์ลูมิเอลทำให้มีความเร็วสูงและยังได้เพิ่มการกระจายอนุภาคมิราจคอลลอยด์ออกมาให้เกิดภาพติดตาซึ่งมีผลต่อระบบคอมพิวเตอร์ด้วย อิมพัลส์กันดั้มซึ่ง ZAFTใช้ทดสอบเดสทินีซิลลูเอ็ทนั้นจะใช้เชสต์ฟลายเยอร์ซึ่งติดเครื่องสร้างบีมชิลด์ "โซลิดัสฟุลกอร์"กับบีมบูมเมอแรง "แฟลชเอดจ์"ไว้ที่แขนทั้งสองข้าง แต่แม้ว่าเดสทินีอิมพัลส์นั้นจะมีพลังในการต่อสู้สูงมาก ระบบทั้งหมดนั้นทำให้โครงสร้างแบบคอร์บล็อกที่ซับซ้อนนั้นต้องรับภาระหนักมากและยังใช้พลังงานมากเกินไป ซึ่งในการทดสอบนั้นได้ประเมินว่าเดสทินีอิมพัลส์จะต้องเติมพลังงานด้วยระบบลำแสงดิวเทเรียมสองถึงสามครั้งในการออกรบแต่ละครั้งจึงมีสมรถนะต่ำกว่าที่ต้องการและไม่สามารถออกปฏิบัติการเดี่ยวอย่างที่ตั้งใจไว้ได้ ZAFT จึงได้ยุติการผลิตเดสทินีอิมพัลส์ไว้เพียงสี่เครื่องเท่านั้น แต่ได้พัฒนาต่อไปโดยสร้างเป็น MSใหม่ทั้งตัวให้สามารถใช้งานระบบของเดสทินีซิลลูเอ็ทได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เดสทินีกันดั้มนั้นนับได้ว่าออกแบบมาให้ชิน อาสึกะใช้งานโดยเฉพาะและสร้างด้วยเทคโนโลยีทั้งหมดโดยไม่สนใจสนธิสัญญายเนียส จึงได้เปลี่ยนเครื่องเครื่องกำเนิดพลังงานเป็นเครื่องยนต์ไฮเปอร์ดิวเทเรียมซึ่งปรับปรุงเตาปฏิกรณ์ฟิชชันแบบเดิมด้วยระบบลำแสงดิวเทเรียมให้จ่ายพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพขึ้น อาวุธหลักของเดสทินีกันดั้มนั้นได้เปลี่ยนเป็นบีมแคนน่อนระยะไกลกับดาบต่อต้านยานรบ"อารอนไดท์"ซึ่งทั้งสองอย่างนี้ขณะไม่ใช้งานจะพับเก็บไว้ด้านหลัง ที่ไหล่ทั้งสองข้างติดตั้งบีมบูมเมอแรง "แฟลชเอดจ์ทูว์" ซึ่งปรับปรุงมาจากแฟลชเอดจ์ให้สามารถปรับใช้เป็นบีมเซเบอร์ได้ ที่ฝ่ามือทั้งสองข้างติดตั้งบีมแคนน่อน"ปาล์มมาฟิโอคินา"ซึ่งเป็นเหมือนอาวุธลับสำหรับใช้ยิงโจมตีในระยะประชิด บีมไรเฟิลของเดสทินีกันดี้มนั้นมีกำลังมากกว่าที่เซคันด์สเตจซีรีส์ใช้ และติดตั้งโล่ไว้ทั้งแบบฉาบบีมโค้ตตามปกติกับบีมชิลด์ เดสทินีกันดั้มนั้นก็ใช้โครงสร้างภายในแบบเกราะ PSสำหรับป้องกันชิ้นส่วนภายในที่ต้องรับแรงกดมากกว่าปกติเพื่อให้มีสมรรถนะสูงสุดเหมือนกับสไตรค์ฟรีดอมกันดั้ม โดยส่วนข้อต่อจะเป็นสีโลหะ

แม้โครงการเดสทินีอิมพัลส์จะยุติลงไปแล้ว แต่ข้อมูลของเดสทินีอิมพัลส์นั้นก็ได้รับการพัฒนาต่อให้เป็นรูปแบบซึ่งแตกต่างจากเดสทินีกันดั้มอย่างชัดเจน เรียกว่า ι เดสทินี Rซิลลูเอ็ท โดยได้รวมซิลลูเอ็ทเข้ากับยานซิลลูเอ็ทฟลายเยอร์จึงสามารถใช้เป็นยานแยกออกมาจากเดสทินีอิมพัลส์ R ได้ อาวุธที่ติดไว้กับเดสทินี Rซิลลูเอ็ทนั้นลดลงมาเหลือเพียงบีมแคนน่อนแฝด "วูล์ฟส์เบน" สองกระบอก แต่สามารถใช้งานได้ทั้งที่ติดอยู่กับซิลลูเอ็ทหรือถอดออกมาเป็นแบบมือถือ และส่วนปลายของวูล์ฟส์เบนยังสามารถบีมเซเบอร์ออกมาได้ใช้ต่อสู้ในระยะประชิดได้ด้วย เดสทินี Rซิลลูเอ็ทยังติดตั้งอแด็ปเตอร์ไว้ที่จุดเชื่อมต่อซึ่งทำให้เข้ากันได้กับ MSที่ออกแบบให้ใช้สไตรเกอร์แพ็คได้ ซึ่งเดสทินี Rซิลลูเอ็ทนั้นจะสามารถทำการควบคุม MSที่ประกอบได้ อิมพัลส์กันดั้มซึ่งใช้งานเดสทินี Rนั้นได้สร้างเป็นเครื่องเดียวแทนโครงสร้างแบบคอร์บล็อก รูปแบบของเดสทินีอิมพัลส์ Rนั้นยังได้รับการดัดแปลงเป็นเครื่องไร้คนบังคับแบบผลิตจำนวนมากเรียกว่า DIอดากาที่มีลักษณะเหมือนเดสทินีอิมพัลส์ Rยกเว้นเพียงส่วนหัว DIอดากานั้นติดตั้งบัดดีซิสเต็มซึ่งทำให้ AIสามารถเรียนรู้จากการต่อสู้และช่วยสนับสนุนนักบินของเดสทินีอิมพัลส์ Rได้

ในภาค Build Fighters AR ยังมี DIอดากาโอดิน ซึ่งเป็นกันพลา DIอดากาของเกรโค โลแกน โดยตัว DIอดากาโอดินนั้นนับว่าไม่ต่างจากกันพลาต้นแบบนอกจากที่ทาสีใหม่ แต่เกรโคได้เตรียมอบีสซิลลูเอ็ทกับไกอาซิลลูเอ็ทไว้เปลี่ยนกับเดสทินี Rซิลลูเอ็ทตามสถานการณ์ด้วย โดยไกอาซิลลูเอ็ทนั้นได้รับการแต่งแต่งรูปร่างใหม่ตามที่เกรโคเห็นว่าโหมดสัตว์สี่เท้านั้นดูเหมือนกระทิงเปลี่ยวตามฉายาของตนเอง และเกรโคในขณะที่เป็นโหมดสี่เท้านั้น DIอดากาโอดินก็สามารถใช้งานเดสทินี Rซิลลูเอ็ทพร้อมกันได้ซึ่งเกรโคเรียกว่าอทรีสซิลลูเอ็ท

zgmf-x56s0.jpg

ZGMF-X56S/θ Destiny Impulse Gundam

First appearance Gundam SEED DESTINY Mobile Suit Variations
Designer Kunio Okawara
Overall height 17.76 m
Armor Variable Phase Shift armor
Special feature Deuterion beam energy supply system, Core Splendor system (YFX-M56 Core Splendor), Wing of Light
Armaments

  • 'Excalibur' anti-ship sword
  • 'Folding Razor' anti-armor knife
  • 20 mm CIWS
  • 'Flash Edge' beam boomerang
  • high-energy beam rifle
  • telescopic barrel beam cannon
  • 'Solidus Fulgur' beam shield generator
zgmf-x56s0-2.jpg

Unit 2

zgmf-x56s0-3.jpg

Unit 3

Unless otherwise stated, the content of this page is licensed under Creative Commons Attribution-ShareAlike 3.0 License